Home ข้อคิด อย่าทะนงตน ว่าเก่งเหนือใคร(เตือนสติดีมาก) อย่าทำตัวเป็น”ม้าพันลี้”

อย่าทะนงตน ว่าเก่งเหนือใคร(เตือนสติดีมาก) อย่าทำตัวเป็น”ม้าพันลี้”

1 second read
0
0

ณ ดินแดนอันห่างไกล มีม้าหนุ่มพันลี้อยู่ตัวหนึ่งมันแข็งแรง และทรงพลังมากสามารถวิ่งได้ไกลเป็นพันลี้ โดยที่ไม่เหนื่อยเลย แถมยังวิ่งได้เร็วมากอีกด้วย ม้าตัวนี้รู้ว่าตัวเองนั้นมีความสามารถมากเพียงใด ใครๆก็ต้องการมัน มันจึงรอให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และดีเทียบเท่ากับมันเท่านั้น

ถึงจะยอมให้ขี่ ในระหว่างที่เฝ้ารอคนที่มันคิดว่าเหมาะสม ก็ได้มีผู้คนมากมายเข้ามาหา พ่อค้าได้เข้ามาหาม้าตัวนี้และถามว่า “เจ้าจะยอมไปกับข้าหรือไม่”ม้าพันลี้ส่ายหัวและตอบว่า “ม้าฝีเท้าดีๆ แบบข้า ทำไมจะต้องยอมไปกับเจ้า แค่ไว้ใช้งานส่งของด้วยล่ะ”

ทหารได้เข้ามาหาม้าตัวนี้ และถามว่า “เจ้าจะยอมไปกับข้าหรือไม่”ม้าพันลี้ส่ายหัว และตอบว่า “เจ้าเป็นแค่ทหารธรรมดาทำไมข้าจะต้องไปรับใช้คนแบบเจ้าด้วยล่ะ” นายพรานได้เข้ามาหาม้าตัวนี้ และถามว่า “เจ้าจะยอมไปกับข้าหรือไม่”ม้าพันลี้ส่ายหัวและตอบว่า

“ข้าเป็นถึงม้าพันลี้ ทำไมต้องไปทำงานหนักรับใช้นายพรานแบบเจ้าด้วยล่ะ” เวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายปี ม้าพันลี้ตัวนี้ก็ยังคงค้นหาเจ้านายที่ใฝ่ฝันไม่เจอสักที ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาหา แต่เจ้าม้าพันลี้ตัวนี้ก็ไม่ยอมรับใช้ใครเลย ข่าวความเก่งกาจสามารถของม้าพันลี้

ได้แพร่กระจายจนไปถึงในวังหลวง และได้มีรับสั่งตามพระราชโองการ ให้ขุนนางท่านหนึ่งไปตามหาม้าพันลี้ ไม่นานขุนนางก็พบกับม้าพันลี้จึงได้แนะนำตัว และไถ่ถามเมื่อม้าพันลี้รู้ว่า คนที่มาหาตนเป็นถึงขุนนางชั้นสูง ก็ดีใจอย่ างมากที่จะได้รับใช้คนที่เหมาะสมกับตนเอง

ที่รอคอยมานานแสนนาน ม้าพันลี้จึงได้บอกกับขุนนางว่า “ข้าคือม้าพันลี้ ที่ท่านตามหาอยู่”แต่ก่อนที่ขุนนางจะพากลับไปในวัง จึงได้ถามม้าพันลี้ว่า “เจ้าเชี่ยวชาญเส้นทางในประเทศเราไหม”ม้าพันลี้ตอบว่า “ไม่ เพราะข้าไม่ได้เดินทางไปไหนนานมากแล้ว

ขุนนางก็เลยถามต่อ “เจ้าเคยมีประสบการณ์ ในการสู้สมรภูมิรบบ้างไหม”

ม้าพันลี้ตอบว่า “ไม่ ข้าไม่เคยเข้าร่วมรบ เพราะข้าไม่รับใช้ทหารธรรมดาๆ ”

ขุนนางก็เลยถามต่อ “เจ้าชำนาญการวิ่งในป่ารกทึบ ที่มีสิ่งกีดขวางมากมายหรือไม่”

ม้าพันลี้ตอบว่า “ไม่ ข้าไม่มีเหตุจำเป็นอะไร ที่ต้องเข้าไปลำบากในป่ารกทึบหรอก”

ขุนนางเลยพูดขึ้นว่า “แล้วข้าจะเอาเจ้าไปใช้ประโยชน์อะไรได้อีก”

ม้าพันลี้บอกว่า “ข้าวิ่งเวลากลางวันได้วันละพันลี้ กลางคืนแปดร้อยลี้”

ขุนนางจึงให้ม้าพันลี้ลองวิ่งให้ดู เพื่อทดสอบความแข็งแรง และความเก่งที่เขาร่ำลือกัน เมื่อม้าพันลี้เริ่มออกวิ่งมันรู้สึกถึงความภาคภูมิใจ ที่จะได้โชว์ความสามารถของตัวเองสักที แต่พอมันออกวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว มันก็หอบหายใจเหนื่อยซะแล้ว

ขุนนางจึงพูดขึ้นว่า “เมื่อก่อนตอนหนุ่มเจ้าคงจะเก่งมากจริงๆ ตามที่คนร่ำลือกันไว้แต่ตอนนี้เจ้าแก่แล้ว ไม่ไหวแล้วถ้าข้าเอาเจ้าไป คงใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อีกแล้ว”หลังจากพูดจบ ขุนนางก็เดินจากไปในทันที ในขณะที่ม้าพันลี้ยังเหนื่อยหอบไม่ทันหาย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

อย่ าทำตัวเป็น “ม้าพันลี้” อย่ าอวดดี คิดว่าตนเองเก่งเพราะเหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ กาลเวลาผ่านไป อะไรๆ ก็เปลี่ยนไม่มีอะไรอยู่คงทน แม้แต่ความสามารถเมื่อก่อนเราอาจจะเก่ง แต่สักวันก็ต้องมีคนมาแทนที่เราจนได้ หากเราหลงทะนงตน ไม่ยอมฝึกฝนหรือหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตัวเอง

จะทำให้เราหยุดพัฒนาและล้าหลัง ในขณะที่อีกคนรู้ว่าตัวเองไม่เก่งเท่าคนอื่น จึงพย าย ามฝึกฝนหาความรู้อยู่ตลอดเวลา สุดท้ายเขาก็จะพัฒนามาเทียบเท่า และแซงเราไปในที่สุดเพราะฉะนั้นจงอย่ าประมาทในการใช้ชีวิต และอย่ าประเมินความสามารถคนอื่นต่ำเกินไป จงอย่ าชะล่าใจ ว่าจะไม่มีใครมาแทนที่ตนได้

ขอบคุณที่มา : Bitcoretech

 

Load More Related Articles
Load More By tongdangpatla
Load More In ข้อคิด

Check Also

วิธีการ เอาชนะคนอิจฉา แบบผู้มีปัญญาแล้ว

เชื่อว่าในชีวิคนเราทุกคนต้องพบเจอกับคนประเภทที่ ขี้อิจฉา จ้องจะเอาชนะไปซะหมดทุกเรื่องแต่กา…