ความคาดหวัง ไม่เคยส่งผลดีให้กับใครแม้แต่ตัวคนหวังเอง และคนถูกหวัง ความคาดหวังมักจะทำให้เราตัดสินคนเอาดื้อๆ หรือความคาดหวังเราอาจจะไปทำร้า ยคนอื่น ฉะนั้น ลดละเลิกซะนะครับ อาการแบบนี้ อยู่ในที่ของเราก็มีความสุขแล้วครับ
1. เลิกคาดหวังให้คนอื่นเห็นด้วยกับคุณ
“เธอน่าจะเห็นด้วยกับฉันนะเรื่องดีๆแบบนี้” บางที “เรื่องดีๆแบบนี้” ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องมีคนอื่นเห็นด้วยกับคุณเสมอไป เพราะทุกคนต่างก็มีความคิด มีชีวิตจิตใจของตัวเองสิ่งที่ถูกต้องดีงามสำหรับคุณ ไม่จำเป็นต้องดีงามเหมาะสมสำหรับคนอื่นเสมอไปดังนั้น
จึงไม่ควรคาดหวังให้คนอื่นเห็นคล้อยตามคุณทุกเรื่อง เพราะว่ายังมีเหตุปัจจัยอีกหลายอย่ าง ที่ทำให้การมองในสิ่งเดียวกันนั้น เห็นแตกต่างกันออกไป และเมื่อมองในมุมกลับคุณเองก็คงไม่ได้เห็นด้วยกับคนอื่นทุกเรื่อง ใช่หรือไม่ ?
2. เลิกคาดหวังให้คนอื่นมานับถือ
“ทำไมไม่เห็นมีใครนับถือฉันเลยเห็นฉันเป็นอะไรเนี่ย” ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ใหญ่โตแค่ไหนหรือแก่ชราเพียงใด หากคุณทำตัวไม่น่านับถือ น่าศรัทธา การคาดหวังให้คนอื่นมานับถือศรัทธา ย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นอย่ ามัวเสียเวลาแสวงหาความนับถือจากผู้อื่น
ถ้าคุณยังไม่ทำตัวเองให้นับถือตนเองได้เสียก่อน หากวันใดที่มองดูตัวเองในกระจกแล้วยกมือไหว้ตัวเองได้อย่ างสนิทใจ เมื่อนั้นคุณย่อมได้รับการเคารพนับถือจากผู้อื่นเช่นกัน
3. เลิกคาดหวังให้คนอื่นมาชื่นชม
“โอ๊ย..ทำดีขนาดนี้แล้วยังไม่ชอบเราอีก” คนส่วนใหญ่มักคาดหวังให้คนอื่นมาชื่นชม แต่หลายคนก็ต้องผิดหวังและเป็นทุกข์ เมื่อสิ่งที่คาดหวังนั้นกลับเป็นตรงกันข้าม ทางพระท่านสอนว่า การทำดี จะมีใครเห็นหรือไม่นั้น ไม่จำเป็น เพราะการกระทำนั้นมันดีแล้วตั้งแต่ที่เราทำ
และก็นำความชื่นอกชื่นใจมาให้ผู้ทำเสมอทุกครั้ง ที่ได้ระลึกถึงไม่ว่าคนอื่นจะชื่นชมหรือไม่ก็ตาม การคาดหวังว่าคนอื่นจะมาชื่นชมชื่นชอบในการทำดีของคุณ จะทำให้คุณเป็นทุกข์เมื่อไม่มีใครเห็น จำไว้เสมอว่า ทุกครั้งที่คุณทำเรื่องดีหรือ ชั่ ว ถึงใครไม่เห็น คุณนั่นแหละเห็น
4. เลิกคาดหวังคนอื่นให้เป็นแบบที่คุณอย ากให้เป็น
“ทำไมแกไม่เป็นคนฉลาดแบบเขาบ้างวะ” เมื่อคุณคาดหวังให้คนอื่นเป็นอย่ างที่คุณต้องการ คุณก็จะมองไม่เห็นคุณค่าด้านอื่นๆของเขาเลย จริงอยู่เขาอาจจะไม่ฉลาดแต่เขาก็เป็นคนดี ซื่อสัตย์ซึ่งเป็นเรื่องที่คนฉลาดอาจไม่มีก็ได้ เพราะฉะนั้น คุณต้องมองให้เห็นสิ่งดีที่เขามีอยู่(แต่อาจไม่ใช่แบบที่คุณต้องการให้เป็น)
เพราะทุกคนมีความงดงามในตัวเองเสมอ เพียงแค่มองทะลุเปลือกนอกเข้าไป ก็จะเห็นตัวตนอันงดงามของเขามากขึ้เท่านั้น
5. เลิกคาดหวังให้คนอื่นรู้ใจ
“แหม..ไม่รู้เลยหรือไง ว่าวันนี้ฉันอย ากกินข้าวขาห มู” เสียงบ่นพึมพำปนหงุดหงิดเมื่อเห็นอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า เป็นข้าวมันไก่ที่เพื่อนร่วมงานซื้อมาให้“ไม่รู้หรือไง..ว่าฉันกำลังหิวข้าว อารมณ์ไม่ดี มาถามอะไรเซ้าซี้อยู่ได้”“ไม่รู้หรือไง….ฯลฯ” การคาดหวังให้คนอื่นต้องรู้ใจทุกครั้ง ว่า
ตอนนี้คุณกำลังคิดหรือรู้สึกเช่นไรต้องการอะไร แบบไหน เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ ดังสำนวนไทยที่ว่า “รู้หน้า ไม่รู้ใจ”ซึ่งมันทำให้คุณต้องเสียความรู้สึก เสียอารมณ์ เสียใจ และอีกสารพัดจะเสียทางที่ดีควรบอกไปตรงๆถึงความรู้สึกและความต้องการของคุณ แล้วคุณจะไม่ผิดหวังอีกเลย
6. เลิกคาดหวังให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงในทันที
“เลิกสู บบุ ห รี่ ได้แล้ว มิฉะนั้นฉันจะเลิกกับคุณ” การคาดหวังให้ใครบางคนเลิก ทำพฤติกรร ม บางอย่ างในทันที คุณอาจผิดหวังได้ โปรดจำไว้ว่า ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงคนอื่นได้ หากคนนั้น ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองคุณจึงไม่ควรพย าย ามไปเปลี่ยนแปลงใคร
เพราะเมื่อคุณพย าย ามเปลี่ยนแปลงคนอื่นแล้ว เขายังคงเหมือนเดิมคุณก็จะเป็นทุกข์ แต่หากคุณต้องการเปลี่ยนแปลงเขาจริงๆ ต้องหาวิธีการต่างๆ ทำอย่ างค่อยเป็นค่อยไป ใจเย็นๆ อดทน และรอคอย ผลที่เกิดขึ้นอาจจะทำให้คุณชื่นใจก็เป็นได้
7. เลิกคาดหวังให้คนอื่นต้องเป๊ะทุกเรื่อง
“ทำไมทำงานครั้งนี้ ไม่ดีเหมือนครั้งก่อนล่ะ” ทุกคนล้วนมีด้านมืดและสว่างอยู่ในตัวเอง ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปทั้งหมดบางคนปากร้ า ย แต่ใจดี บางคนร่างกายพิการแต่สมองเป็นเลิศ ดังนั้น การคาดหวังให้คนอื่นต้องเลิศเลอเพอร์เฟ็ค หรือเป๊ะทุกเรื่องอยู่ตลอดเวลานั้น
จึงเป็นการคาดหวังที่มากเกินจริง ที่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนเพราะมนุษย์ปุถุชนย่อมมีรัก โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา หากเข้าใจความจริงดังนี้แล้วคุณก็จะรู้จักให้อภัยย ามที่เขาทำไม่ดีหรือผิดพลาดไป
ขอบคุณที่มา : scholarship