คนรวยเขามองเรื่องนี้ยังไงนะ? คนรวยนี่ เขาขี้โกงแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่า? คนรวยเขามองเห็นหัวคนจนอย่ างพวกเราบ้ างไหมหนอ?
อาจเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้มีโอกาสถามจากปากของเขาเหล่านั้นตรงๆ การได้เข้าใจความคิดของผู้มีฐานะทางสังคมเหล่านี้ เราจึงทำได้แค่ อ่ า น ตามหนังสือ
ที่วางขายอยู่ซึ่งครั้นจะไปไล่ อ่ า น ให้หมดทุกคน มันก็ดูจะเสียเวลาไปซักหน่อย วันนี้ผมเลยขออาสากลั่นความคิดของคนรวย แ ช ร์ ด้านดีๆที่เราน่าจะสามารถ
เอาไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้นะครับ
1. เขาฟังเยอะ พูดน้อย
นอกจากเรื่อง อ่ า น เยอะแล้ว สิ่งที่ผมได้จากคนรวยอีกเรื่องก็คือ เกือบทุกคนเลือกที่จะฟังก่อนที่จะพูด สิ่งนี้เป็นเหตุเป็นผลนะครับเมื่อฟังก่อน ก็จะได้ข้อมูลใหม่ๆ
ได้ใช้ความคิดให้รอบคอบก่อนจะตัดสินใจอะไรไป มันอาจจะขัดกับสิ่งที่เด็กสมัยนี้คิด นั้นก็คือ ต้องกล้าแสดงออกต้องกล้าแสดงความคิดเห็น แต่กลายเป็นว่า
คนรวยส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะไม่แสดงความคิดเห็นบ่อยนัก จริงๆ มันไม่ขัดกันนะครับเพราะเขาอยู่ในระดับที่ต้องเก็บข้อมูลและตัดสินใจในสิ่งสำคัญๆ แต่สำหรับ
เหล่าพนักงานนั้น การโยนความคิดเห็นเข้าไปกลางวงประชุมคือการแสดงความเห็นให้คนอื่นๆทราบ ทำให้เรามีตัวตนในองค์กร อย่ าลืมนะครับ สมัยนี้ เก่งแล้วต้อง
ให้คนอื่นรู้ เก่งเงียบๆ นายเค้าไม่เห็นหรอก
2. เขารู้ว่าตัวเองถนัดอะไร
เพราะคนส่วนใหญ่ตามหาไปเท่าไหร่ ก็หาไม่เจอว่าชีวิตตัวเองต้องการอะไร ทำให้ไม่สามารถเลือกทางเดินชีวิตได้เอง ต่างจากนัก ล ง ทุ น ที่ผมดูแลเงินของเขา
ซึ่งพบจุดร่วมที่สำคัญคือ เขาเอาเงินมาให้เราดูแล ก็เพราะเขารู้ว่าเขาถนัดอะไร และเราถนัดอะไร เขาจะใช้เวลาให้มากกับสิ่งที่เขารักและถนัดในขณะที่สิ่งที่เขา
ไม่ถนัด แต่คิดว่าจำเป็น เขาก็ให้คนที่ไว้ใจ เชื่อในความสามารถเป็นคนดูให้แทนปัญหาคือ กระบวนการค้นหาสิ่งที่ตัวเองถนัดของคนรวยแต่ละคนนั้น ค่อนข้าง
แตกต่างกันครับ ไม่มีกฎ ต า ย ตั วบางก็ก็จับพลัดจับพลูได้ทำธุรกิจที่ไม่เคยทำ แล้วกลับหลงรักมันขึ้นมา ในขณะที่บางคน รักที่จะค้นหาสิ่งใหม่ๆทำไปเรื่อยๆ
ถึงผิดบ้ าง ขาดทุนบ้ าง ก็ไม่ท้อแท้อะไรโดยคิดว่าประสบการณ์ที่ได้ไป ยังไงก็ไม่สูญเปล่า ซึ่งมันก็จริง ย้อนกลับมาดูตัวเราครับ ถ้าวันนี้เรายังไม่เจอสิ่งที่ตัวเอง
ถนัด เราทำให้ตัวเองเข้าใกล้คำๆนี้มากขึ้นด้วยวิธีไหน? น่าคิดนะ
3. เขาลำบากมากกว่าที่เราเห็น และล้มเหลวมาเยอะกว่าที่เราคิด
ฉากหน้าของความสำเร็จมักจะดูดีเสมอ สิ่งที่ผมเห็นคือ บ้ านหลังใหญ่ๆ รถสปอร์ต 5-6 คัน ไปเที่ยวต่างประเทศปีละ 3-4 ครั้งสิ่งเหล่านั้นคือผลลัพธ์จากการ
ทำงานอย่ างหนัก ผมไม่เคยเจอคนรวยที่ไม่ลำบาก และทุกๆคนล้วนเคยประหยัด ขยันขันแข็ง เก็บหอมรอมริบมาเรื่อยจนมีวันนี้บางคนอดทนเป็นลูกจ้างไม่ต่ำ
กว่า 20-30 ปี กว่าจะมีเงินเก็บออกมาตั้งกิจการของตัวเอง คนเหล่านี้ ถึงเริ่มช้า แต่ทว่า ก็ด้วยความมั่นคงเพราะรู้ลึกรู้จริงในธุรกิจซึ่งตัวเองเคยเจอมาก่อนหน้านี้
อยู่แล้ว ในขณะที่บางคน ล้มเหลวมาแล้ว 3-4 ครั้ง ทั้งที่เพื่อนโกง โดน ชั ก ด า บ ขายของไม่ได้เพราะเศรษฐกิจพังแต่เขาก็ยังลุกขึ้นมาหาอะไรทำ เพราะจำเป็น
ต้องเลี้ยงครอบครัว เรียกได้ว่า เพราะหลังชนฝานั้นเองและที่เขาใช้เงินได้เยอะในวันนี้ มันก็เป็นเหตุผลครับสมมติว่า เขามีเงินในกองทุนรวม ต ร า ส า ร ห นี้
ซัก 200 ล้านบาท ผลตอบแทนปีละ 3% ก็เท่ากับได้มาใช้ 6 ล้านบาท หรือใช้ได้เดือนละ 5 แสน เงิน 5 แสนอาจจะดูมากสำหรับเราแต่มันคือเงินน้อยสำหรับเขา
เพราะใช้ไปยังไงเงินต้นเขาก็ยังไม่ได้ลดลง และยังคงทำงานอยู่ตลอดเวลา มีรายได้เข้ามาต่อเนื่อง (แต่กว่าจะได้ 200 ล้านเนี่ย ลาก เ ลื อ ด ครับ)
4. เขา อ่ า น เยอะมาก
มนุษย์เงินเดือน อาจจะวัดความสำเร็จของตัวเองด้วยขนาดของทีวีที่บ้ าน แต่สำหรับคนรวย ผมเห็นบ้ านเขามีห้องหนังสือใหญ่ๆหนึ่งห้องเลยบางคนอาจบอกว่า
จะมีเวลา อ่ า น ได้ยังไง เวลาส่วนใหญ่ก็น่าจะยุ่งมากอยู่แล้ว แต่จากที่ได้พูดคุยได้สนทนากันทั้งในเรื่องภาพรวมเศรษฐกิจและการ ล ง ทุ น ต่างๆ รวมถึง
ความเป็นไปรอบตัว ผมกลับพบว่า มันไม่ใช่การไปอัพเดท ข่ า ว ส า ร แต่เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างกันมากกว่าเลยทำให้ผมมั่นใจว่า เขาต้อง อ่ า น
และหาทาง เ ส พ ข่ า ว รวมถึงเติมความรู้ให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลาแน่นอนแล้วเราละ นอกจากเปิด อ่ า น ชีวิตและความเป็นไปของเพื่อนๆใน เ ฟ ส บุ ค
ติดตามข่าว ด ร า ม่ า ดาราแบบวินาทีต่อวินาที เราเพิ่มเติมความรู้ยังไงครับ?
5. เขามีวิธีคิดที่เหมือนกันในการต่อต้านความจน ก็คือ การสร้างสินทรัพย์
เราถูกสอนว่าควรประหยัด เพราะเงิน 1 บาที่เราไม่ใช่ มันเท่ากับรายได้ 1 บาท ที่เราหาได้ แต่การประหยัดนั้น มันไม่ทำให้เราใช้ประโยชน์จาก อ า วุ ธ ที่มีอนุภาพ
มากที่สุดในโลก นั้นก็คือ “ด อ กเ บี้ ยทบต้น”เขาเหล่านี้รู้สูตรลับความสำเร็จจะด้วยความบังเอิญ หรือรุ้จริงๆตั้งแต่วันที่ตั้งใจก็ตาม แต่เขาจะ พ ย า ย าม อดออม
และแบ่งเงินเหล่านั้นออกมา ล ง ทุ น ไม่ว่าจะเป็นการ ล ง ทุ น ในกิจการที่ตนเชื่อว่าจะไปได้ดี หรือไป ล ง ทุ น ในที่ๆคิดว่าให้ผลตอบแทนสูง (เลยเป็นที่มาที่
เขาเดินเข้ามาหาที่ปรึกษาการ ล ง ทุ น )เหตุผลนี้ มันเลยชัดเจนครับว่า เศรษฐกิจไทยอาจจะชะลอตัวใน 1-2 ปีข้างหน้า เพราะเศรษฐีทั้งหลายมองไม่เห็นช่องทาง
การ ล ง ทุ น ในธุรกิจและหันเอาเงินมาให้เหล่านักการเงินทั้งหลายบริหาร จัดพอร์ตไป ล ง ทุ น ในที่ต่างๆในระยะหลังแต่ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหน หรือในอนาคต
เขาจะเอาเงินกลับไป ล ง ทุ น วัตถุประสงค์ของเขาก็คือ การสร้างสินทรัพย์เพื่อต่อยอดเงินให้กับลูกหลานต่อไปในอนาคตคนเรามีทั้งด้านดีและไม่ดี ด้านที่ดีของเขา
เราก็ปรับเอามาใช้กับตัวเองนะครับ ความสำเร็จมันไม่มีรูปแบบ ต าย ตั ว ลอกเลียนแบบกันไม่ได้แต่อย่ างน้อยมันก็พอมี ล า ย แ ท ง ให้เดินตาม ผมเชื่อว่า เมื่อเรา
พ ย า ย าม สู้กับทุกปัญหา มองโลกในแง่ดี และหาโอกาสในรอบๆตัวให้เจอ ไม่ต้องรวยมากหรอกครับ ความสุขมันก็โชยขึ้นมาเบาๆแล้ว
ขอบคุณที่มา : a o m m o n e y