คิดดูว่าเมื่อคนเรา ถ้าเปิดอกเผยใจกันเต็มร้อย ไม่ต้องกลัวอีกฝ่ายจะดูแคลน สามารถพูดปรึกษาได้อย่ างตรงไปตรงมาคิดอย่ างไรพูดอย่ างนั้น ราวกับคุยอยู่กับตัวเอง มันจะดีขนาดไหน?คนที่รักคุณกับคนที่เข้าใจคุณอาจไม่ใช่คนคนเดียวกัน แต่ถ้าคุณโชคดีมีคนคนนั้นอยู่ในชีวิตในคนเดียว
เขาก็จะดับทุกข์ร้อนให้คุณได้ เกือบทุกสถานการณ์ กรร ม จะตัดสินให้คุณได้มีคนประเภทนั้นอยู่ในชีวิตหรือไม่ และกรร มที่ว่าก็คือ..การเป็นผู้เคยให้ความเห็นใจ..ยอมทำความเข้าใจ..และหมั่นเอาใจเขามาใส่ใจเราหากคุณไม่เคยทำกรร มประเภทนี้ไว้กับใคร หรือไม่สนใจที่จะเริ่มต้นเสียที
ก็อย่ าได้หวังจะได้มีใครพย าย ามหันมาเข้าใจสนใจในปัญาของคุณ ทั้งชีวิตของคุณจะรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า คนไม่รู้จักที่ไม่เคยเข้าใจอะไรคุณเลยสักนิด ทำอย่ างไรจะรู้ใจกันได้การพย าย ามอ่ า นความคิดคนอื่น ไม่อาจช่วยให้คุณรู้ใจตัวเองดีขึ้นหรอก
แต่การรู้ใจตัวเองดีขึ้น จะช่วยให้คุณอ่า นความคิดคนอื่นออกได้อย่ างรวดเร็ว เหตุผลคือ ใจเป็นธรรมชาติชนิดเดียวกัน ไม่ว่าจะภายในตนหรือภายนอกตน ถ้าอ่า นใจตัวเองออก ก็สามารถบอกได้ว่าใจคนอื่นเป็นอย่ างไรคนเรามักอย ากรู้ว่าคนอื่นคิดอะไร ทั้งที่ความคิด
หรือกระทั่งความรู้สึกของตนเอง ยังอ่า นไม่ออกหรือบางทีอ่า นออกบอกถูกแต่ก็ไม่ยอมรับ คิดอย่ างนี้โกหกตัวเองว่าคิดอย่ างนั้น รู้สึกอย่ างนั้น แต่หลอกตัวเองว่ารู้สึกอย่ างโน้นลองถามตัวเองว่าคุณ รักเขาไหม?
ตอนเจอกันให้สังเกตใจตัวเองเป็นขณะๆ
ถ้ารักมากจะมีแรงดึงดูดสูง ใจเต้นแรง จนอย ากเอื้อมแขนไปดึงเขาเข้ามากอด ถ้ารักน้อยจะมีแรงดึงดูดต่ำจนน่าสงสัย ถ้าเฉยๆ จะไม่มีทั้งแรงดึงดูดและแรงผลักออก ถ้าเก ลีย ดหน่อยๆ จะมีแรงผลักออกเล็กน้อย ถ้าเกลี ยด มากจะมีแรงผลักออก แทบบันดาลให้อย ากยกเท้าขาคู่ถีบส่ง
แค่ รัก หรือ ไม่รัก ก็ทำให้คุณสังเกตอาการทางจิต รู้จักจิตของตัวเองได้แล้ว เพียงภายในระยะเวลา 10 นาทีอาจมีแรงดึงดูดไม่เท่ากันหลายระดับ ถ้าคุณสัมผัสรู้สึกถึงภาวะทางใจของตัวเองได้ คุณก็จำไว้ไปเทียบเคียงกับของคนอื่นได้เช่นกันเมื่อเริ่มฝึกดูใจคนอื่นอย่ าจ้องหน้า อย่ าใช้สายตา
เวลายืนอยู่ต่อหน้าเขาหรือเธอ ให้ถามตัวเองว่าปฏิกิริย าทางใจ ที่มีต่อคุณขณะนั้น เป็นไปในทางพอใจหรือไม่พอใจ สบายใจหรือขุ่นข้อง ความรู้สึกที่ออกมาในช่วงแรกที่สบตาหรือทักทายกัน จะเด่นชัดที่สุดแสร้งปลอมแปลงกันได้ย ากที่สุดถ้าเป็นไปในทางพอใจ
คุณจะรู้สึกถึงสภาพดึงดูดเหมือนจะเหนี่ยวคุณไว้ แต่หากเป็นไปในทางไม่พอใจคุณจะรู้สึกถึงสภาพผลักออก เหมือนพย าย ามยันไม่ให้มาใกล้เดิมที คุณอาจเคยชินกับการสังเกตแค่สีหน้าและท่าทาง เช่น เมื่อใครดีใจ เขาจะเบิกตาโตยิ้มกว้างและเสียงใส
แต่ถ้าเย็นชาจะคอแข็ง ไม่ยิ้มไม่สนใจ แต่พอฝึกสัมผัสจิตคุณอาจเห็นไปอีกแบบ คือ สภาพจิตคนอาจขัดแย้งกับสีหน้าท่าทางอย่ างรุนแรง อาจถึงขั้นเป็นตรงกันข้ามกันเลยทีเดียวความคิดในหัวของคนๆ หนึ่ง ก็คือคำพูดของเขาที่คุณได้ยินอยู่เรื่อยๆ นั่นแหละครับ
ใช้คำพูดไหนเป็นประจำ คำพูดนั้นก็จะก้องอยู่ในหัวของเขาบ่อยหน่อย หากคุณจับกระแสจากใจในขณะที่เขาพูดได้ คุณก็จะจำได้เมื่อมันเกิดขึ้นอีกแม้เขาจะไม่เปิดปาก เปล่งเสียงออกมาเลยก็ตาม ยกตัวอย่ างเช่น ถ้าเขาเป็นคนชอบพูดคำว่า บ้าจริงๆ คุณจะได้ยินเขาอุทานทุกครั้งที่อย ากด่าใคร
แต่หากอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ที่เขาเกรงใจ ก็จะมีแต่คำว่า บ้าจริงๆ หรืออะไรคล้ายๆ อย่ างนั้นอยู่ในหัว โดยไม่เล็ดรอดออกมาทางปากทว่าคุณก็จะจับได้ว่ามันอยู่ในหัวเขา เพราะจำแบบแผนคลื่นความคิดเดียวกันได้ความรักที่เพิ่มพูนขึ้นอย่ างล้นหลามนั้น เกิดขึ้นขณะฝึกรู้ใจนั่นแหละ
ไม่จำเป็นต้องรู้ใจกันได้จริงๆ เสียก่อนเลย เพราะวิธีฝึกรู้ใจนั่นเองจะทำให้คุณเกิดนิสัย เอาใจเขามาใส่ใจเรามากขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างเห็นใจกันจริงๆ คุณจะรู้สึกเหมือนบ้านเป็นวิมาน และไม่ต้องการความเห็นใจจากใครอีกทั้งโลก
ขอบคุณที่มา : Dungtrin