หากขึ้นชื่อว่า ครู ย่อมเป็นผู้สอน ผู้ประสาทวิชา แต่ไม่เพียงแค่ครูในห้องเรียนเท่านั้นที่เป็นผู้สอนเรา ในชีวิตจริงของเรานั้นแทบทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ล้วนเป็น ครู .. ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือร้ าย ทุกคนล้วนร่วมสอน ให้เรา..ใช้ชีวิตในแบบที่ดีขึ้นได้เสมอ
การที่เราได้เจอคนดี หรือ ได้เจอเรื่องดีๆ มันคือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิต แต่การที่เราต้องเจอกับความผิดหวังในเรื่องต่างๆ ก็ไม่ได้หมายความว่า .. สิ่งเหล่านั้น มันจะเป็นของขวัญชิ้นที่ดีชิ้นหนึ่งให้กับเราไม่ได้ ขงจื้อเคยกล่าวเอาไว้ว่า .. คนสองคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต สอนเราได้ทั้งคู่
เมื่อเราเจอคนที่ดี ก็สอนให้เราเอาอย่ างเขา เมื่อเจอกับคนไม่ดี ก็แค่สอนว่าอย่ าเอาอย่ างเขา คนทั่วไปจะเรียนรู้จากคนที่ทำถูกต้อง และทำตาม แต่คนที่ฉลาดจะเรียนรู้จากคนที่ทำถูกต้อง เพื่อหาแนวทาง และ เรียนรู้จากคนที่ทำผิดพลาดเพื่อไม่ให้ตัวเองผิดพลาดซ้ำ
ถ้าวันนี้คุณต้องเจอกับคนที่นิสัยไม่ดี มาทำให้คุณรู้สึกแย่ ก็ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องทำสิ่งที่แย่ๆ ตามเขา แต่คุณสามารถเรียนรู้ที่จะไม่เป็นแบบเขาได้ เก็บบทเรียน และความผิดพลาดเอาไว้ แล้วเรียนรู้ว่า สิ่งนี้ คือ สิ่งที่เราจะไม่เดินรอยตามสิ่งดีๆ ที่คุณมีมันเดินมาถูกทางแล้ว
แค่ยังไม่เจอคนที่คู่ควรที่คุณจะหยิบยื่นให้ก็เท่านั้นเอง ถ้าทุกคนต้องเอาอย่ างคนที่ไม่ดี เพราะเคยถูกทำให้เจ็บ โลกนี้ก็จะไม่เหลือคนดีๆ เพื่อสร้างสิ่งที่สวยงามอีกต่อไป
จงขอบคุณคนที่เห็นแก่ตัว เพราะเขาสอนให้เรารู้ว่า เราใจกว้างกับเค้าได้แค่ไหน
จงขอบคุณคนที่ไม่ยอมรับในตัวเรา เพราะเขาสอนให้เราเห็นว่า เขาเป็นคนชัดเจนกับเรา
จงขอบคุณคนที่ทำไม่ดีใส่ เพราะเขาสอนให้เห็นว่า การไร้ความน่าคบหาเป็นเช่นไร
ถ้ามัวแต่หมกมุ่นจมอยู่กับความรู้สึกด้านลบ ก็จะจมอยู่กับความทุกข์อย่ างต่อเนื่อง แต่ถ้าลองหันไปมองให้เรื่องเหล่านี้เป็นบทเรียน บทเรียนที่ได้มาจากความทุกข์ หรือ ความไม่สบายใจนั้น รางวัลที่จะได้ คือ การเติบโตขึ้นอย่ างแข็งแกร่ง เหมือนเหล็กที่ถูกหลอมขึ้นจากไฟ
จนกลายเป็นดาบ ยิ่งไฟร้อนเท่าใด แรงกดดันมากเพียงใด ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น จงขอบคุณทุกอย่ างที่เกิดขึ้นกับเรา
ในท้ายที่สุด ทุกประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตไม่ว่า ดี หรือ ร้ าย ที่เกิดขึ้นมักทิ้งบทเรียน และ ความทรงจำไว้ให้เราเสมอ
ขอบคุณที่มา : เห็นทุกข์เห็นธรรม