1. ฝึกยิ้มบ่อยๆ
วิธีเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นแบบง่ายๆ ที่ทำได้ไม่ย ากคือ การยิ้มนั่นเองค่ะ รอยยิ้มเป็นสิ่งต้นๆ ที่จะทำให้ผู้คนตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกพบ เราไม่จำเป็นต้องหน้าตาดี หล่อสวย เหมือนนายแบบนางแบบ แต่หากเราเป็นคนร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส
จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้เราได้เป็นอย่างดี ใครเห็นใครก็หลงรัก เป็นคนชีวิตคิดบวกยิ้มได้ทุกวัน ใครเห็นก็อย ากอยู่ใกล้ อย ากพูดคุยด้วย หรือบางครั้งรอยยิ้มของคุณอาจสร้างโลกที่สดใสให้กับใครหลายคนแบบที่ไม่รู้ตัวก็ได้นะคะ นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกดีแล้วยังได้ช่วยคนอื่นๆ ให้มีวันที่ดีอีกด้วยค่ะ
2. ชื่นชมกับสิ่งรอบตัวมากขึ้น
ปี 2020 ที่ผ่านมาอาจทำ ให้จังหวะชีวิตของหลายคนสะดุด และบางคนได้อยู่ กับคนรอบตัวมากขึ้น บางคนได้เจอกับสัจจะธรรมของชีวิตว่าไม่มีอะไรเลยที่แน่นอน หลายคนอาจกำลังท้อถอย รู้สึกชีวิตตันไปหมด งานก็ไม่มี เงินก็ไม่มี อย ากให้คุณลองปรับความคิดสักนิด เปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น
โดยลองชื่นชมกับสิ่งที่อยู่รอบตัวคุณ “โชคดีเหลือเกินที่ครอบครัวของฉันยังอยู่” “โชคดีที่ได้หยุดพัก ได้ใช้เวลากับครอบครัว” หรือ “โอ้! วันนี้ฟ้าสวยจัง อย่างน้อยฉันก็ยังไม่ต าย ” ลองชื่นชมสิ่งที่ตัวเองมีและคนที่คอยอยู่เคียงข้างคุณ มันจะช่วยปรับอารมณ์ที่หดหู่และสิ้นหวังของคุณได้ค่ะ
3. เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
อีหนึ่งวิธีเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น ที่สามารถทำได้ทันทีและเห็นผลชัดเจนคือ การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ค่ะ หากเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังมองหางาน หรือ อย ากพัฒนาตนเอง ให้เป็นคนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ จะช่วยคุณได้อย่างแน่นอน อย่างเช่น ฝึกใช้โปรแกรมใหม่ๆ
เพื่อรองรับสายการทำงาน หรือจะเป็นการเรียนรู้สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อย ากเช่น การฝึกทำอาห าร การทำสวนการฝึกดูแผนที่ อะไรก็ได้ที่คุณไม่เคยทำ จะช่วยพัฒนาและกระตุ้ น การทำงานของ ส ม อ ง ให้คุณสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ดีขึ้นค่ะ
4. หาเวลาไปเจอเพื่อนเก่า
หลายคนวิ่งวุ่นตามหาฝัน จนอาจละเลยหลายๆ สิ่งไป หนึ่งในนั้นคือ เพื่อนเก่าๆ ของคุณ ลองหาเวลาว่างๆ นัดเจอพวกเขาเหล่านั้น คุณจะพบว่าการได้พบปะกับคน ที่เคยอยู่ในช่วงเวลาต่างๆ ของคุณจะทำให้คุณได้เห็นว่าตัวเองนั้นเดินมาไกลจากวันเก่าๆ มากแค่ไหน นอกจากนี้เพื่อนๆ เหล่านั้น
อาจจะช่วยแ ช ร์ เรื่องราวๆ ต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของพวกเขาซึ่งคุณอาจไม่เคยเจอให้ฟังก็ได้ ถือว่าเป็นประสบการณ์ ที่ล้ำค่าต่อการเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น นอกจากนี้การได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับเพื่อนรู้ใจจะช่วยเยียวย าจิตใจที่เหนื่อยล้าของเราให้กลับมามีแรงสู้อีกครั้งด้วยค่ะ
5. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
อย ากเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นควรเริ่มจากร่ าง ก าย และสุขภ าพ ของเราด้วยเช่นกัน ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภ าพ ที่แข็งแรง ดังคำกล่าวที่ว่า “การไม่มีโร ค เป็นลาภอันประเสริฐ” สุขภ าพ ที่แข็งแรงนั้นเป็นสิ่งที่เงินทองซื้ อไม่ได้ อย ากแข็งแรงต้องลงมือทำเอง
เริ่มจากเลือกวิธีออกกำลังที่เราชอบ และสามารถจะใช้เวลาอยู่กับมันได้นานอย่างน้อยวันละ 30 นาที และออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ เมื่อเรามีร่ างก ายที่แข็งแรง จะทำให้เรามีจิตใจที่แจ่มใสตามไปด้วย และพร้อมที่จะรับมือกับสิ่งต่างๆ ในแต่ละวัน
6. เป็นผู้ฟังมากกว่าพูด
เป็นธรรมดาที่คนส่วนใหญ่ มักชอบเป็นผู้พูด มากกว่าผู้ฟัง ใครๆ ก็มักจะสนใจแต่เรื่องของตัวเอง ก่อนทั้งนั้น เลยอย ากจะเล่าเรื่องคนเองให้คนอื่นรับรู้ จนลืมมารย าทของการเป็นผู้ฟังที่ดีไป หากอย ากเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อนๆ ลองหันมาเป็นผู้ฟังบ้างแล้วคุณจะแปลกใจว่า
คุณได้เรียนรู้อะไรที่น่าสนใจอีกเยอะ จากการเป็นผู้ฟังที่ดีในบทสนทนาเพียงแค่ครั้งเดียว ที่สำคัญต้องฟังอย่างตั้งใจ และใส่ใจจริงๆ ไม่ใช่แค่ได้ยินแล้วปล่อยผ่านไป เพราะคู่สนทนาของเราสามารถรับรู้ได้ ว่าเรากำลังสนใจฟังเขาอยู่จริงๆรึเปล่า รู้มั้ยว่าการเป็นผู้ฟังที่ดีนั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้คนประทับใจในตัวคุณได้โดยไม่ต้องล ง ทุ นอะไรเลย
7. กล้ามากขึ้น
อีกหนึ่งวิธีที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมากเลยค่ะ เพราะหากคุณไม่มีความกล้าที่จะทำอะไรเลย การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นได้ย าก วิธีการสร้างความกล้าคือคุณต้องเข้าใจความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริงและคิดเสมอว่าสิ่งที่คุณทำไม่ใช่สิ่งที่ผิดและคุณควรได้รับมัน เช่น หากงานของคุณเยอะมากๆ อยู่แล้ว แต่ยังมีคนต้องการให้คุณช่วยงานเขาในส่วนอื่นๆ ซึ่งคุณรู้สึกว่าคุณไม่อย ากทำ จงกล้าที่จะปฏิเสธเขา บางคนอาจรู้สึกแ ย่ที่ต้องปฏิเสธคนอื่น แต่ลองนึกอย่างเป็นเหตุเป็นผล หากมีงานล้นมือ ประสิทธิภาพทั้งงานคุณและงานที่คุณไปช่วยจะออกมาไม่ดีอย่างแน่นอนค่ะ ดังนั้นเป็นคนใหม่ ลองกล้าที่จะปฏิเสธสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับคุณ หรือ กล้าที่จะลงมือทำในสิ่งที่คุณต้องการจริงๆ อย่ากลัวที่จะออกจาก comfort zone
8. แบ่งเวลาให้เป็น
ลองสังเกตตัวเองดู ว่าคุณเป็นคนพูดคำว่า “ไม่มีเวลา” บ่อยรึเปล่า ไม่มีเวลาไปที่เที่ยวปีใหม่ สงกรานต์ วันหยุด เหมือนกับคนอื่น เราทุกคนมีเวลา 24 ชั่ วโมงเท่ากัน แต่หากคุณรู้สึกว่าเวลา 24 ชั่ ว โมงนั้นไม่พอให้ทำอะไรได้เสร็จสักอย่าง
แปลว่าคุณยังบริหารเวลาไม่ดีพอ การจัดการกับเวลา คือการแบ่งเวลางาน กับการใช้ชีวิตให้สมดุลกัน ไม่ใช่ทำแต่งานจนไม่มีเวลาพักผ่ อ น ไม่มีเวลาทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ หรือไม่มีแม้กระทั่งเวลากินข้าวกับครอบครัวในวันหยุด อย ากเปลี่ยนตัวเองไม่ย าก เพียงเริ่มจากการจัดสรรเวลาให้ดี
การเขียน to do list ในแต่ละวัน และเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่ควรทำก่อนหลังก็เป็นตัวช่วยที่ดีในการแบ่งเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
9. สร้างประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต
หลายคนอาจเคยได้ยินคอนเซ็ปต์ “Once in a lifetime” หรือ แปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า ครั้งหนึ่งในชีวิต ช่วงหลังมานี้กระแสการสร้างประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตกำลังถูกพูดถึงในประเทศตะวันตกค่ะ เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยกระตุ้ น ให้เราได้มีแรงบรรดาลใจและช่วยพัฒนาตัวเราได้ด้วยเช่นกัน
อย่างเช่น เข้าไปฟังการสัมภ าษณ์ สดกับนักเขียนชื่อดัง, การฟังสัมนาความรู้จากนักบินอวกาศของ N A S A หรือ การเดินทางไปเที่ยวมาชูปิกชู เป็นต้น การสร้าง Once in a lifetime คือ คุณพย าย ามเข้าไปเป็นส่วนร่วม ในโอกาสที่ไม่ได้ทำได้บ่อยๆ หรือ
บางครั้งอาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตของคุณเลยก็ได้นั่นเองค่ะ แต่ละคนอาจมี Once in a lifetime ที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความต้องการของแต่ละบุคคลค่ะ
10. จดสิ่งที่อย ากทำ
ทุกข้อที่กล่าวมานั้น ไม่ว่าคุณจะอย ากเปลี่ยนแปลงตัวเองในเรื่องใดบ้าง เช่น เปลี่ยนตัวเองให้สวย เปลี่ยนแปลงตัวเองให้เก่งภาษามากขึ้น หรือเป็นคนที่สดใสกว่าปีที่ผ่านๆ มา เรามีทิปส์ดีๆ ที่จะช่วยให้คุณสามารถทำตามความฝันได้สำเร็จ นั่นคือ จดสิ่งที่คุณอย ากทำลงไปในสมุดหรือกระดาษค่ะ
โดยการเขียนจะช่วยให้คุณจดจำสิ่งเหล่านั้นได้ดีขึ้นนอกจากนี้อย ากให้คุณเขียนวิธีการที่คุณจะทำเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายนั้น และระยะเวลาในการดำเนินการ เช่น เป้าหมาย อย ากลดน้ำหนัก 5 กิโลกรัม วิธีการ เต้นทุกวันวันละ 30 นาที เป็นเวลา 3 เดือน เป็นต้นค่ะ
การแจกแจงรายละเอียดจะให้คุณเห็นแนวทาง ที่จะไปสู่เป้าหมายได้ง่ายขึ้นและมีโอกาสทำมันสำเร็จได้ง่ายกว่าการคิดเอาไว้ในหัวอย่างเดียวนั่นเองค่ะ
ขอบคุณที่มา s h o p b a c k
