“เมื่อชีวิตมีปัญหาเราก็ต้องคิดหาทางออก” เป็นคำพูดที่ไม่ต้องพูดก็รู้ แต่ถ้ามันคิดหาทางออกได้ง่ายๆ มันจะเรียกว่ามีปัญหาได้อย่างไร? ถ้างั้นก่อนจะคิดหาทางออกคิดแก้ปัญหา เราลองมาคิดเรื่องอื่นกันดูก่อนใน 8 ข้อนี้ เพราะบางทีนี่อาจทำให้ได้คำตอบใหม่ๆ ให้ปัญหาชีวิตในตอนนี้ก็เป็นได้
1.คุณเป็นคนเดียวในโลกหรือเปล่า ที่กำลังเผชิญปัญหานี้
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ปัญหาที่คุณต้องประสบอยู่ตอนนี้ ไม่มีใครไม่เคยพบเจอล้วนต้องมีคนเคยประสบปัญหาเช่นนี้มาแล้วทั้งสิ้น บางทีอาจมากกว่าคุณด้วยซ้ำไปแล้วคนพวกนั้นผ่านไปได้ยังไง? คุณไม่ใช่คนเดียวบนโลกเสียหน่อยกับเรื่องที่เป็นปัญหาตอนนี้ บางทีอาจเป็นเรื่องที่ ใครๆ เขาก็ต้องเคยผ่านกันมาทั้งนั้น.
2.จะให้เป็นเหมือนทุกวันได้ยังไง
ชีวิตย่อมมีขึ้นมีลง อาจฟังดูยอมรับย าก แต่หากถามว่าแล้วจะให้เหมือนกันทุกวันได้อย่ างไร ในเมื่อบางวันเรายังกินข้าว บางวันเรายังกินก๋วยเตี๋ยว บางวันเรากินหวานบางวันเรากินเผ็ด เราเองยังใช้ชีวิตเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แล้วจะให้อะไรๆ มันดีเสมอต้นเสมอปลายคงหาได้ย าก
นี่จึงทำให้ต้องทบทวนว่าจะให้มันเหมือนทุกวันได้ยังไง มันก็ต้องมีวันแย่ๆ กันบ้าง
3.เ ล วร้ า ยที่สุดได้แค่ไหนกัน
เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ภาวะวิตก ตกใจบ้าง อ่อนแอบ้าง เรามักจะจินตนาการแต่สิ่งแย่ๆ และกลัวนั่นกังวลนี่ขึ้นมาก่อนทันที เป็นปกติและไม่ใช่เรื่องผิดอะไร แต่ถ้าคิดให้กว้างไกลไปอีกหน่อยว่ากับคำถามที่ว่า จะแค่ไหนกันเชียว ยังไงก็คงไม่ต า ย หรอก ตรงนั้นเองบางทีสติจะมา ปัญญาจะเกิดได้เลยก็มี
4.แพ้แล้วไงต่อ
บางทีปัญหาที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรเลย เว้นเสียแต่ว่ามันกระทบความมั่นคงทางสถานะ บนความรู้สึก หรือศักดิ์ศรี ที่บางทีมันคือความพ่ายแพ้ ที่เราไม่อย ากยอมรับ และไม่จำเป็นต้องมีใครรู้หรือเข้าใจ ว่านี่มันคือสิ่งที่เรารับไม่ได้ เพียงแต่บางครั้งมันอาจเ ล วร้ า ยลงกว่าเดิม
หรือไม่มีอะไรดีขึ้นเลย แพ้แล้วไง เสียหน้า? เสียเส้น? เส้นเซลฟ์? การไม่รีบยอมรับคือการ เสียโอกาสที่จะชนะใหม่มากกว่า
5.ไม่เคยเจอ? มากกว่านี้
ในบางปัญหาเราเจอมามากกว่า 1 ครั้ง แต่ทุกครั้งเรากลับมองว่า นี่มันแย่จังเลย เจออีกแล้ว เบื่อมาก ท้อมาก แต่หากปรับคิดใหม่ว่า ไม่เคยเจอเหรอปัญหานี้ ก็พอรู้นี่ว่าจะแก้ยังไง หรือบางทีปัญหานี้ ที่เคยเจอมามันมากกว่านี้ ยิ่งกว่านี้อีก ยังผ่านไปได้ ที่สำคัญกว่านั้นบางทีทำไมเรายังปล่อยให้สิ่งนี้เกิดได้อีกนะ
6.ทำได้เท่านี้เองเหรอ
ถ้ามีปัญหาแล้วอยู่ในภาวะ แก้ง่ายสบายๆ เราคงไม่เรียกมันว่าปัญหาสักเท่าไร แต่เพราะเรารู้สึกว่ามันแก้ย ากจะลำบากใจหรือเหตุใดก็ตามมันจึงเป็นสิ่งที่เราเรียกว่าปัญหาชีวิต เพียงในส่วนที่เราคิดหรือรู้สึกว่าแก้ย ากนั้นมันอาจเป็นเพียงแค่สิ่งที่เราไม่เคยลองพย าย าม
แม้กระทั่งดูถูกความสามารถตัวเอง จนคิดสรุปเอาว่าเราคงแก้ปัญหานี้ไปไม่ได้ คำถามนี้จึงควรมีขึ้นอย่ างท้าทายตนเองดู และต้องยิ่งรู้ด้วยว่า ไม่มีใครแก้ปัญหาเราได้ดีไปกว่าเรา
7.ใครที่เราเห็น
อาจจะเป็นสิ่งที่ถามต่อจากคำถามเมื่อครู่ หรือคำถามอื่นๆ ด้วย เพราะนี่เป็นช่วงเวลาที่ดี ที่ชีวิตจะได้คัดกรองสิ่งแวดล้อมโดยอย่ างยิ่ง “คน” ที่คุณควรจะใส่ใจหรือมองให้ชัดขึ้นเพื่ออนาคต
จริงอยู่ว่าตนควรต้องเป็นที่พึ่งเห็นตนเป็นสำคัญ แต่การมีกัลญาณมิตรที่ดี ไม่ว่าจะเป็นญาติ พี่น้องหรือไม่ก็ตาม เพื่อนที่สนิทหรือไม่สนิทก็ตาม มันจะได้เรียนรู้ชัดเสียทีว่า คุณเสียเวลากับ “คน” แบบไหนมา ซึ่งจะโทษใครไม่ได้ด้วยเพราะว่าคุณเลือกเก็บคนแบบนั้นมาตลอดเอง
ตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่ชีวิตจะได้ไปไกล และที่ผ่านมามันไม่ไปไหน อาจเพราะอยู่ในวงล้อม “คนเดิมๆ” พวกที่หายไปในตอนที่เรามีปัญหานี่เอง
8.นี่คือโอกาสของอะไร
ก็เป็นอีกคำถามที่ถามต่อจากคำถามอื่นๆ คล้ายกับคำถามก่อน ในแต่ละปัญหา มีสิ่งที่เป็นปัจจัยมากน้อยทำให้ในตอนนี้อาจแก้ไม่ได้จริงๆ ดังนั้น ลองทิ้ง หรือวางมันลง ปลงมันสักครู่ แล้วดูว่านี่คือ โอกาสของอะไร? หลายคนร่ำรวยจากวิกฤติบางอย่ างแต่เห็นโอกาส
สิ่งประดิษฐ์สำคัญหลายอย่ างเกิดจากความผิดพลาด ช่วงเวลาที่ร้ า ยที่สุด ก็เคยกลายเป็นดีที่สุดของใครหลายคนแม้แต่เราเอง หากหลบตาที่พย าย ามมองแต่ปัญหาไปทางอื่นดูบ้าง บางทีอาจเห็นว่านี่ เป็นโอกาสของอะไร ที่มันทำให้กลายเป็นดีขึ้นก็เป็นได้
ขอบคุณที่มา :sirichaiwatt